วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แหลมงอบ

"ถึงแล้วครับแหม่ม..ที่นี่แหละที่เรียกว่าแหลมงอบ.
.เดี่ยวสายหน่อยก็มีเรือโดยสารข้ามไปเกาะช้าง"........................
..คนขับรถสองแถวสายตราด-แหลมงอบ
บอกกับหญิงสาววัยยี่สิบห้าปี
 ที่ใครพบเห็นก็มักจะเรียกแหม่ม
 ด้วยหน้าตาผิวพรรณ ที่กระเดียด
ไปข้างพ่อที่เป็นชาวฝรั่งเศสมากกว่าข้างแม่ที่เป็นชาวไทยแท้ๆ..
เจนนี่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายค่าโดยสาร
 และสะพายเป้เดินทางใบเขื่องลงจากรถด้วยท่าทางที่ทะมัดทะแมง....
..กลิ่นอายน้ำเค็มโชยมาต้องจมูก
ทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
 ป้ายหินอ่อนสลักข้อความว่า "สุดทางบูรพา"
 ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณส่วนปลายแหลมของแผ่นดินที่ยื่นลงไปในทะเล..
.ใกล้ๆกันเป็นอาคารประภาคารสูงตระหง่านยิ่งกว่าป้ายข้อความเสียอีก..
เลยไปอีกนิดเป็นทางเข้าสะพานท่าเทียบเรือที่ยื่นออกไปกลางทะเลลึก..
มีป้ายไม้แกะสลักข้อความว่า "ท่าเทียบเรือแหลมงอบ"..
ครั้นมองเลยไปกลางทะเลไกลลิบๆฝากขะโน้น...
ก็เห็นส่วนต่างๆของเกาะช้างตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
เลยไปทางทิศใต้ของเกาะช้าง
เป็นเกาะช้างน้อย
ที่มีรูปร่างเหมือนลูกช้างตัวน้อยๆกำลังเดินลุยน้ำล้าหลังอยู่ท้ายฝูง..
จะกี่ปีๆผ่านไปเจ้าช้างน้อยก็ไม่เคยว่ายน้ำตามทันตัวอื่นๆเสียที.
.คิดแล้วก็ให้สงารเจ้าช้างน้อยเสียทุกคราไป.....
คนช่างสงสาร...
แบกเป้เดินทอดน่องไปตามสะพานที่ทอดตัวยาวออกไปกลางสะพาน
เด็กเรือบางคนที่ตื่นมาชำระร่างกายตอนเช้าตรู่ ครางฮาฮือในลำคอ
 เมื่อพบว่าสะพานปลาที่เปอะเปื้อนคาวปลามาแรมปี
 บัดนี้..ปรากฎเทพธฺดาในจินตนิยายมาเดินลอยชายชมทะเลแต่เช้าตรู่
ซำ้ยังมาคนเดียวเสียอีกด้วย.....//
แม้จะชินตากับฝรั่งต่างชาติ
ที่ทะลักเข้ามาสัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติของทะเลฝั่งตะวันออกอยู่เนืองๆ
หากความงามสง่า ในท่าเดินของเจนนี่ ก็คล้ายดั่งมนต์สะกดหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
ให้เผลอใจครางฮาฮือ.จุ๊ปากกันจิ๊จ๊ะราวจิ้งจกร้องหาคู่..
คนเสน่ห์แรงแบกเป้เดินทอดน่องมาหยุดตรงบริเวณส่วนปลายสุดของสะพาน
ซึ่งมีเรือไม้ขนาดความยาวเกือบยี่สิบเมตร
จอดหันหน้าออกไปทางที่ตั้งของเกาะช้างน้อย
 ข้างเก๋งเรือด้านบนชั้นสองของตัวเรือ
วาดรูปนกกางเขน สลายปีกโบยบินนำหน้าเรือลำเล็กๆ
 ออกไปตามคลองขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นัก..//